อัลฟาโรเมโอจูเลีย 1966 – การเดินทางจากเอเธนส์สู่อัมสเตอร์ดัม (เอเธนส์)
เราทุกคนต่างมีสิ่งที่อยู่ใน “รายการสิ่งที่อยากทำ” และการขับรถคลาสสิกเที่ยวยุโรปก็อยู่ในรายการของผมมาตั้งนานแล้ว รถยนต์คนแรกที่ผมซื้อคืออัลฟ่าโรเมโอบาสเกตเคส 1967 ตอนที่ผมอายุ 17 ปีและตอนอายุ 53 ปี ผมก็ซื้อรถอีกคัน ครั้งนี้ผมซื้ออัลฟาโรเมโอจูเลีย 1300 ทีไอจากประเทศกรีซ ภรรยาและลูกชายวัย 7 ขวบของผมจะร่วมเดินทางกับผมในทริปนี้ด้วย เราวางแผนกันไว้ว่าจะขับรถจากเมืองเอเธนส์ไปยังเมืองอัมสเตอร์ดัมโดยใช้เวลา 2 สัปดาห์ ระยะทางรวม 3,300 กิโลเมตร (2,100 ไมล์) ข้ามเทือกเขาแอล์ปที่ความสูง 4,000 เมตร เราจะแวะหาเพื่อนระหว่างทางด้วย เราจะไปเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังต่างๆ
ผมเห็นรถคันนี้บน BAT (www.bringatrailer.com) ผมเลยเข้าร่วมการประมูลแต่โดยการถามคำถามและเสนอราคาแต่ราคาขั้นต่ำสูงมาก รถคันนี้เลยขายไม่ได้ ผมอีเมลหาเจ้าของรถทันทีและบอกเขาว่าผมสนใจรถคันนี้ แอนโทนิสโทรหาผมและเราก็ตกลงซื้อขายกันหนึ่งนาทีต่อมา แอนโทนิสเป็นสมาชิกเว็บไซต์ BAT ‘ClassicSpotted‘
[irp posts=”944″ name=”1966 Alfa Romeo Giulia – Vesuvius and Pompeii”]
ระหว่างขั้นตอนการเสนอราคา ผมถามว่าคนอเมริกันอย่างผมต้องทำอย่างไรถึงจะสามารถใช้ใบขับขี่อเมริกัน/บริติช/ไทยโดยที่ผมมีภูมิลำเนาอยู่ที่ประเทศไทยจดทะเบียนรถเป็นชื่อผมและซื้อประกันเดินทางสำหรับท่องเที่ยวยุโรป อเล็กซ์ เพื่อนของแอนโทนิส (สมาชิกที่เป็นที่รู้จักบน BAT ที่ใช้ชื่อว่า Alex V) บอกว่าง่ายมาก เขาเคยทำให้ลูกค้ารถแลนเซีย 1967 เมื่อสองสามปีที่แล้วผ่าน “การจดทะเบียนการส่งออกเยอรมัน” เขาอธิบายว่ามีระบบที่อนุญาตให้เราซื้อรถและขับท่องเที่ยวไปรอบๆ เป็นเวลาหนึ่งปีพร้อมประกันโดยที่คุณต้องส่งออกรถเมื่อสิ้นสุดขั้นตอน เขาบอกให้ผมไปยังเว็บไซต์ (www.export-plate.com) ผมกรอกแบบฟอร์มแล้วทุกอย่างก็เสร็จเรียบร้อยแต่อยู่ดีๆ กฏหมายกลับเปลี่ยนแปลงทำให้รถของผมขึ้นทะเบียนไม่ได้! แย่มาก! เขาบอกว่ารถคันนี้เก่าไป (51 ปี) กฏหมายใหม่บอกว่าเราต้องมีใบรับรองการทดสอบ TUV (เยอรมัน) แต่รถเราอยู่ที่ประเทศกรีซ ผมรู้สึกผิดหวังตอนที่รู้ว่ารถขึ้นทะเบียนไม่ได้หลังจากที่ผมทั้งโทรติดต่อและส่งเอกสารไปมาระหว่างเยอรมันเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์ ตอนนี้ www.export-plate.com ใช้ได้แค่กับรถที่อยู่ในประเทศเยอรมันเท่านั้น
ผมซื้อรถทั้งๆ ที่ยังไม่วางใจกับขั้นตอนการจดทะเบียน เขาบอกผมว่าทำง่ายๆ ไม่มีปัญหาแต่ผมกลับพบว่ามัน (แทบ) เป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ผมมีความสุขไหม ตอนนี้เป็นวันที่ 8 ก่อนผมจะเดินทางถึงประเทศกรีซแต่ผมกลับไม่มีใบอนุญาตขับขี่ถูกต้องตามกฏหมาย ผมแบกภรรยา ลูกชายและโลกทั้งใบไว้บนบ่าของผม แอนโทนิส (เจ้าของรถ) ช่วยเหลือเราได้เยอะมาก เราศึกษาขั้นตอนที่ผมจะตั้งบริษัทที่ประเทศกรีซ นำรถใส่ในนามบริษัทและทำให้ทุกอย่างเป็นจริงแต่วิธีนี้กลับใช้เวลานานเกินไป
[irp posts=”990″ name=”1966 ALFA ROMEO GIULIA – Perugia (part 3)”]
สองคืนก่อนที่ผมจะพาครอบครัวขึ้นเครื่องบินไปกรีซ ผมไม่มีใบอนุญาตขับขี่ แอนโทนิสส่งข้อความมาบอกว่าเขาเพิ่งไปทานข้าวกับคนๆ หนึ่งแล้วคนๆ นี้รู้เรื่องการจดทะเบียนส่งออกกรีซที่เหมือนกับการจดทะเบียนส่งออกของเยอรมัน แอนโทนิสจึงจัดการและเริ่มขั้นตอนดังกล่าวทันที ตอนนั้นเป็นวันศุกร์ผมขึ้นเครื่องจากกรุงเทพ ต่อเครื่องที่ชาร์ล เดอ โกล ปารีสเพื่อไปลงเอเธนส์นานกว่า 24 ชั่วโมงของวันเสาร์และจะเดินทางถึงวันอาทิตย์และได้แต่หวังว่าวันจันทร์ผมจะโชคดี
[irp posts=”1002″ name=”1966 ALFA ROMEO GIULIA – PISA & MANAROLA (PART 4)”]
โทนีสทำให้ฝันของผมเป็นจริง ผมได้รับใบทะเบียนรถสวยๆ ที่มีชื่อของผมอยู่บนนั้นในวันจันทร์แต่ประกันของผมอยู่ไหนล่ะ ไม่นะ – ผมเลยโทรติดต่อบริษัทประกันทันที ผมได้รับเอกสารที่จำเป็นในวันอังคาร 10 นาทีก่อนที่ผมจะเริ่มการเดินทาง มีเวลาเหลือตั้งเยอะจริงไหม ผมอยู่ในประเทศไทย ผมก็เลยชินกับอะไรเร่งด่วน แบบนี้
ก่อนที่เราจะเริ่มเดินทาง ผมขอให้แอนโทนิสดัดแปลงรถซักสองสามที่ให้ผม เช่น เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ผมซื้อไฟท้ายดวงที่สามจากบริษัทที่ผมทำงานอยู่สำหรับตกแต่งรถ ผมจะใช้รถอัลฟ่าคันนี้เป็นตัวทดลอง นอกจากนั้นก็ยังมีที่จุดบุหรี่ในรถพร้อมช่องเสียบ USB เพื่อชาร์จสิ่งอำนวยความสะดวกสมัยใหม่อย่าง iPhone ผมจะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจคเข็มขัดนิรภัยและไฟท้ายดวงที่สามอีกครั้งในบทความอื่น ทั้งสองเรื่องนี้ควรมีบทความเป็นของตัวเอง ผมอยากบอกคร่าวๆ ว่าเข็มขัดนิรภัยของลูกชายผมเจ๋งมาก ผมติดตั้งเข็มขัดล็อค 5 จุดสำหรับรถแข่งยี่ห้อทากาต้า – ใช้งานดีมาก ไลค์เพจเฟซบุคของเราและคุณจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อผมลงบทความเหล่านี้ https://www.facebook.com/GlobalDimensionDesign/
การได้ร่วมงานกับทีมของแอนโทนิสเป็นประสบการณ์ที่สนุกมาก พวกเขามีความรู้ความชำนาญเรื่องรถยนต์มากๆ พวกเขามีกาแฟรสชาติดีๆ ลิฟต์ระบบไฮดรอลิคเจ๋งๆ เครื่องมือดีๆ พร้อมความรู้มากมาย
ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย เปลี่ยนน้ำมันเครื่องและเปลี่ยนแบตเตอรี่เรียบร้อยแล้วและเรายังเพิ่มไฟท้วยดวงที่สามดวงเล็กๆ สว่างๆ ที่บริษัทโกลบอลไดเมนชั่นเป็นผู้ออกแบบ
แน่นอนว่าการเดินทางของเราไม่ได้เกี่ยวกับรถตลอด ตั้งแต่ที่เราลงจากเครื่องเมื่อเวลา 23.00 น. (5 ทุ่ม) ของวันเสาร์ เราได้ไปเที่ยวอย่างสนุกสนานกันตอนวันอาทิตย์ เอ๋และเจคได้พักผ่อนวันจันทร์
ผมจะเริ่มเล่าถึงที่พักของเราแล้วกัน โรงแรมเจสันอินน์เป็นโรงแรมเรียบๆ ที่มีอาหารเช้าแสนอร่อยบนดาดฟ้าและบาร์อันสวยงาม โรงแรมตั้งอยู่ไม่ไกลจากอะโครโพลิส เราได้ไปเที่ยวที่อะโครโพลิส ตามทางจะกราฟฟิตี้สีสันสดใส แหล่งช็อปปิ้งปลาก้าและอาหารน่าทานที่ร้านอาหารตรงเนินเขา วันนั้นเราสนุกมากๆ
วิวดาดฟ้าของโรงแรมเจสันอินน์สวยมาก เราเข้าพักโรงแรมตอนตีหนึ่ง เราจึงได้เห็นวิวสวยๆ ของอะโครโพลิสที่สว่างไสวในยามค่ำคืนด้วย
โรงแรมเจสันอินน์เสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยพร้อมวิวทิวทัศน์อันสวยงาม เจคชอบนูเทลล่ามาก เราก็เลยได้เห็นรอยยิ้มเลอะๆ ของเขา จะเห็นว่านูเทลล่าเป็นอาหารที่สำคัญมากสำหรับเจค
ทางไปอะโครโพลิส/พลาก้าจากโรงแรมเจสันอินน์ เราเลยได้รูปกราฟฟิตี้สวยๆ มามากมาย
อะโครโพลิสเป็นสถานที่ที่อัศจรรย์มาก คนเยอะมากด้วย! ตอนนั้นอุณหภูมิตั้ง 39 เซลเซียส (102 ฟาห์เรนไฮต์) เหงื่อก็เลยออกบ้างเล็กน้อย
การทานข้าว นั่งเล่นที่คาเฟ่และชมวิวสวยๆ นี้เป็นประสบการณ์ที่อัศจรรย์จริงๆ คุณจะเห็นวิวอะโครโพลิสเมื่อเราทานอาหารเช้าและอาหารเย็นบ่อยๆ
เขารอบๆ อะโครโพลิสและปลาก้าเต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านค้าและสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ!
เราเที่ยวเอเธนส์เพลินจนเกือบลืมว่าเราต้องเดินทางไปอิตาลีต่อ จากเอเธนส์ เราต้องต่อเรือที่พาทรา (ขับรถ 3 ชั่วโมงจากนั้นนอนพักบนเรือค้างคืน) ถึงที่บรินดีซีตอนเช้าก่อนที่เราจะเดินทางต่อไปยังซอเรนโต้ (ขับรถ 4 ชั่วโมง)
เราจองตั๋วเรือตอน 17:00 น. (5 โมง) จากปาสราสไปยังบรินดีซี ประเทศอิตาลีเดินทางถึงในวันต่อมาตอน 8.30 น. เรือใหญ่มาก บรรทุกทั้งรถกระบะ รถยนต์ สินค้าและก็คน เราจองห้องพักที่มี 4 เตียง เราจะได้นอนพักผ่อนได้อย่างสบายใจ อัลฟ่าโรเมโอก็วิ่งดีไม่มีปัญหาเช่นกัน
เว็บไซต์บอกว่าเราต้องไปถึงที่หมาย 2 ชั่วโมงก่อนเรือออก ฉะนั้นเราต้องไปถึงที่หมายตอน 15:00 น. เราเผื่อเวลาไว้ 4 ชั่วโมงสำหรับการเดินทาง 2 ชั่วโมงครึ่ง การเดินทางจากเอเธนส์สู่พาทราจะอยู่บนทางหลวงซะส่วนใหญ่แต่ทางหลวงนั้นมีการซ่อมบำรุงถึง 3 แห่งดังนั้นเราเลยต้องใช้ทางอ้อม เป็นทางอ้อมที่แย่มาก เครียดมาก ทางอ้อมที่มีรถบรรทุกคันใหญ่บนถนนลูกรัง ทางอ้อมที่ไม่มีป้ายบอกทาง เราเริ่มเครียด ข้างในรถอัลฟ่าโรเมโอ 1966 ก็ร้อนมากตอนรถติด
ภรรยากับผมมองหน้ากันแล้วพูดว่า “ฉันว่าเรื่องเช็คอินสองชั่วโมงก่อนเรือออกจากท่าคงไม่ใช่เรื่องจริงหรอกเหมือนที่สายการบินอิมิเร็ตชอบประกาศว่า ‘ประกาศครั้งสุดท้าย’ ก่อนที่ผู้โดยสารคนแรกจะก้าวเท้าเข้าเครื่องบินด้วยซ้ำเพื่อให้ผู้โดยสารมาขึ้นเครื่องให้ทันเวลา” ประโยคนั้นเป็นเหมือนความหวังที่คลายความเครียดในตอนนั้น เรายังต้องขับรถบนทางหลวงและถนนขรุขระอีก เราหวังว่าเรือกรีซคงไม่ออกจากท่าเรือตามเวลาเป๊ะๆ นะ
เราถึงท่าเรือตอน 16.00 น. (4 โมง) ประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนเรือออก เราหาที่เช็คอิน รับตั๋วและก็ขับรถไปยังท่าจอดเรือแมมมอธ เรายังกังวลอยู่เล็กๆ ว่าเราทำให้เรือออกช้าหรือเปล่า ผมกำตั๋วเรือไว้ในมือผมในขณะที่เดินต่อแถวเพื่อขึ้นเรือ
เรือจะออกจากท่าเวลา 17.00 น. (5 โมง) เมื่อถึงเวลาที่กำหนด เรือยังขนรถบรรทุกและรถยนต์ไม่เสร็จ คนแถวนั้นก็ดูไม่รีบร้อนอะไร ดูเหมือนว่ากรีซกับไทยมีอะไรบ้างอย่างที่คล้ายกัน คนสเปนมักจะพูดว่ามายานา คนไทยจะบอกว่าไม่เป็นไรส่วนคนกรีซก็จะยักไหล่ เรือออกจากท่าจริงๆ ก็ตอน 19.00 น. (หนึ่งทุ่ม)
เรือดีมาก มีเลาจ์ ที่นั่ง คาสิโน่และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย
ห้องพักดีมาก เตียงสองชั้น 2 เตียง หากคุณต้องการจองที่พัก คุณสามารถจองเตียงเดียวและนอนกับคนขับรถบรรทุกอีก 3 คนได้ เราตัดสินใจว่าจะพักแบบสบายๆ หน่อย เราก็เลยจองทั้งห้องเลย เจคชอบห้องนี้มาก เขานั่งบนขอบหน้าต่างแล้วก็เขียนไดอารี่ ตรงแก้มของแจคมีคราบนูเทลล่าติดอยู่ – อีกแล้ว
เราตื่นนอนค่อนข้างเช้าแล้วลงไปทานกาแฟและครัวชอง ทุกอย่างดี ไม่มีปัญหา เมื่อเวลาใกล้จะถึง 08:30 น. ไม่มีวี่แววของแผ่นดิน คือเราออกจากท่าช้า เราก็เลยถึงช้า กัปตันพาเรือเทียบท่าตอน 11:00 น. แต่กลับไม่มีใครสังเกตเห็นว่าเรือเทียบท่าช้ากว่าถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง
เรามาถึงบรินดิซิ อากาศดีมาก แสงดีมาก
เราหลงทางตอนอ้อมวงเวียนออกจากท่าเรือ เสียเวลานิดหน่อย เมืองซอเรนโต้ที่หมายของเราอยู่ห่างจากท่า 3 ชั่วโมงครึ่ง ทำไมเราถึงเชื่อ GPS อยู่ได้ เราพักทานอาหารกลางวัน ณ หมู่บ้านเล็กหมู่บ้านหนึ่งในชนบทของอิตาลี
การเดินทางช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรจนกระทั้งตอนที่เราเดินทางมาถึงถนนช่วง 7 กิโลเมตรก่อนถึงโรงแรมในเมืองซอเรนโต้ที่รถติดอยู่ในอุโมงยาวๆ เกือบหนึ่งชั่วโมง ผมได้บอกคุณไหมว่าอัลฟ่าโรเมโอไม่มีแอร์ เราก็เลยต้องนั่งร้อนอยู่ในอุโมงในวันที่อากาศร้อนถึง 39 เซลเซียส (102 ฟาห์เรนไฮต์) ข่าวดีคืออุณหภูมิของน้ำในตัวเครื่องไม่เปลี่ยนจากการขับรถบนทางหลวงถึงการติดอยู่ในอุโมงค์ คนเราก็ต้องหาสิ่งดีๆ ในสถานการณ์แบบนี้ เราจะได้ไม่จิตตก
เมื่อเราเดินทางถึงเมืองซอเรนโต้ เราเลยใช้โอกาสนี้แวะชมวิว
สุดท้ายแล้วเราก็มาถึงโรงแรมที่เมืองโซเรนโต้ โรงแรมมีชื่อว่าการ์เดเนีย ห้องพักดี อาหารเช้าอร่อย
รักเจ้าอัลฟ่าโรเมโอ พวกมันเริ่มแก่ ต้องดูแลเยอะ อะไหล่พัง บางส่วนของรถไม่ปิดเหมือนเดิม บางที่เสียงเอี๊ยดอ๊าด บางที่สั่น คุณต้องค่อยฟังเสียงรถอยู่ตลอดเวลาเพื่อดูว่ารถเป็นอะไร ให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวมันก็ดีเอง ถ้าคุณเริ่มจิตตกทุกอย่างก็จะพัง
บทความต่อไป ผมจะเล่าถึงการผจญภัยไปยังภูเขาวิซุเวียสและปอมเปอี โปรดไลค์และติดตามเราบน Facebook เจอกันเร็วๆ นี้ คุณสามารถลงทะเบียนรับข่าวสารที่ฝั่งขวาของหน้านี้
Our next instalment will be a good adventure to Mount Vesuvius and Pompeii. Of course, LIKE/FOLLOW us on Facebook. See you soon. Of course, you can always sign up for the newsletter, located on the right side of this page.
[irp posts=”583″ name=”Creaform Metra car scan at Riding Cafe”]