โปรเจค สแกนเถาวัลย์ หน้าผา ก้อนหิน ด้วยเครื่องสแกน 3 มิติ
เราเพิ่งได้รับโปรเจคงานสแกนที่น่าสนใจมากๆ ที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งแค่สถานที่ก็ตื่นเต้นแล้ว แต่ยังไม่พอ วัตถุที่เราต้องสแกนคือ เถาวัลย์ ซึ่งมีความยาวประมาณ 7 เมตร จำนวน 3 เถา หน้าผา และ ก้อนหินขนาดใหญ่ “บางคนอาจมีคำถามจะสแกนไปทำไม แล้วทำไมต้องเป็นจังหวัดกระบี่” ก็เพราะว่าทุกๆ 2 ปี ประเทศไทยจะมีเทศกาลโชว์งานศิลปะนานาชาติ โดยจะมีศิลปินจากทั่วโลกเข้าร่วมมากกว่า 80 คน ซึ่งในปีนี้งานถูกจัดขึ้นที่จังหวัดกระบี่ โดยบริษัทเราได้รับโอกาสให้เป็นส่วนหนึ่งในการสแกนวัตถุเพื่อสร้างสรรค์ผลงานศิลปะให้กับศิลปินในงาน เราได้ใช้เครื่องสแกน 3มิติ ในการสแกนวัตถุซึ่งก็คือ เถาวัลย์ รากไม้ และหิน และแต่งไฟล์ด้วยคอมพิวเตอร์เพื่อให้ศิลปินนำไฟล์ที่ได้ไปผลิตและสร้างสรรค์ผลงานต่อไป เราภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนช่วยในการส่งเสริมศิลปะของไทย
ถ้าคุณต้องการเห็นผลงานที่สมบูรณ์แบบของศิลปินที่จะรังสรรค์ขึ้นมา สามารถไปดูผลงานได้ที่จังหวัดกระบี่ โดยศิลปินที่ได้สร้างสรรค์ผลงานศิลปะนี้ อยู่ภายใต้องค์กรณ์ที่ชื่อว่า “Thailand Biennale” ซึ่งได้ร่วมมือกับสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย (The Office of Contemporary Art and Culture) ในการสร้างสรรค์ผลงานนี้ขึ้น โดยจะเริ่มโชว์ผลงานตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2561 ไปจนถึง เดือนกุมภาพันธ์ 2562
แน่นอนว่างานนี้อาจจะไม่สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีหากไม่ได้ คุณภารินทร์ ซึ่งเป็นผู้ประสานงานกับเราอย่างมืออาชีพ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง!
หลายคนอาจจะไม่รู้จักจังหวัดกระบี่มากนัก แต่กระบี่คือหนึ่งในจังหวัดที่สวยที่สุดในประเทศไทยและเป็นหนึ่งในจุดหมายที่นักท่องเที่ยวหลากหลายที่อยากมาสัมผัส ทีมงานเราได้เก็บภาพสวยๆ จากชายหาดอันสวยงามที่ขึ้นชื่อของกระบี่ และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ร้านอาหารเรือนไม้(https://www.facebook.com/ruenmaikrabirestuarant/) และร้านอาหารเดอะกร็อตโต (The Grotto) (http://www.rayavadee.com/en/) รวมไปถึงภาพสถานที่สวยงามอื่นๆอีกมากมาย ฉะนั้นอย่าพลาดเรื่องราวการผจญภัยในการทำงานจนถึงวันสุดท้ายของเรา ไม่เชื่อลองอ่านให้จบและคุณจะรู้ว่ามันสนุกแค่ไหน!
สถานที่ที่เราได้ไปสแกน เถาวัลย์ รากไม้ และหน้าผาตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี นอกจากนี้สิ่งที่น่าสนใจมากๆคือเส้นทางเดินนี้ทำด้วยไม้ตลอดเส้นทาง ถึงแม้ว่าเราค่อนข้างยุ่งกับการสแกนและต้องเร่งทำงานให้ทันเวลา แต่เราก็ไม่ลืมที่จะเก็บบันทึกภาพทิวทัศน์ธรรมชาติอันสวยงามด้านในอุทยานมาฝาก ถึงบางครั้งอาจจะไม่ค่อยมีรูปสวยเท่าไหร่ แต่เราคิดว่าคุณจะต้องรู้สึกดีและผ่อนคลายกับสถานที่ที่เราไปสแกนงานแน่นอน แต่! ยังสนุกไม่พอ นอกจากวิวสวยๆ แล้ว อย่าลืมดูภาพการสแกนงานสุดเสียวที่เราเก็บมาฝาก ดูลีลาและมาดเท่ห์ ๆ ของนักสแกนมืออาชีพของแต่ละคนในอัลบั้มรูปซิ…..งานนี้ดูไม่จืดเลย!!!
งานสุดหินชิ้นต่อมาคือวัตถุชิ้นสุดท้ายที่เราต้องสแกนก็คือก้อนหิน! ใช่! มันคือก้อนหินใหญ่มาก ซึ่งไม่ได้อยู่ในอุทยานแต่อยู่ในตัวเมืองกระบี่ และที่หนักกว่านั้นเราต้องเช่ารถเครนเพื่อมาช่วยยกก้อนหินทั้งหนักและก้อนมหึมานี้เพื่อที่เราจะสามารถสแกนทุกส่วนของก้อนหินแม้แต่ด้านล่างของตัวหิน! งานสุดหินจริงๆ
การดำเนิการทั้งหมดได้รับการจัดเตรียมโดยคุณอร เธอจ้างรถเครน! และยังจัดเตรียมทีมนั่งร้านที่จำเป็นสำหรับการสแกนชิ้นงานความสูงขนาด 7 เมตรซึ่งอยู่สูงขึ้นไปในอากาศ และทางทีมนั่งร้านยังได้จัดเตรียมผ้าใบเพื่อติดตั้งบนโครงเก้าอี้เนื่องจากเครื่องสแกนของเราไม่สามารถทำงานได้ดีในสภาพอากาศที่แสงแดดจัดและอุณหภูมิสูงมากกว่า 35 องศา เราจึงจำเป็นต้องหาที่บังแดดเพื่อให้การทำงานของเราเป็นไปอย่างราบรื่น อย่างที่รู้ มนุษย์เราถ้าอยู่ในสภาพอากาศแบบนั้นก็สามารถโดนแสงแดดเผาได้เหมือนกัน ซึ่งคุณจะได้เห็นในรูปสุดท้ายว่าไหม้ขนาดไหน!
ขอบคุณผู้สนับสนุนทุกท่านเหล่านี้
- ทีมงานจากอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี งานคงไม่สำเร็จ หากไม่มีทีมคอยช่วยเหลือ
- หนึ่งเดียวจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม คือคุณภารินทร์ ผู้ซึ่งคอยช่วยเหลือ ประสานงานให้และเข้าใจการทำงานของเราในทุกขั้นตอน
- คุณบูราณางและคุณบูรณีซึ่งได้ให้เราเช่าเครื่องสแกนเนอร์อาร์เท็ค หากท่านใดต้องการซื้อเครื่องสแกนเนอร์อาร์เท็ค สามารถติดต่อเราได้ซึ่งเราจะประสานงานกับคุณบูราณางและคุณบูรณีให้
- คุณศักดิ์เกษม ไฝ่บุญ และคุณเอก ผู้ซึ่งเป็นผู้นำ ในการดูแลจัดการเรื่องนั่งร้าน พวกคุณสุดยอดมาก!
วันที่ 1 ของการทำงาน
ทีมงานโกลบอล ไดเมนชั่น ได้ขับรถจากกรุงเทพฯ ไป กระบี่ ใช้เวลา 12 ชั่วโมง ดังนั้นทีมจึงค่อนข้างเหนื่อยและเพลียมากๆ เราได้เจอคุณตาลและคุณหนูนา ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมจากสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม ประจำการอยู่ที่กระบี่ และทั้งสองท่านได้พาเราไปดูสถานที่และวัตถุที่เราจะต้องสแกน พร้อมทั้งเช็คระบบไฟฟ้าและอื่นๆที่จำเป็นที่จะต้องใช้ในการสแกน พวกเราเหนื่อยมาทั้งวันก็เลยพอกันแค่นี้สำหรับวันนี้หลังจากนั้นเราก็ไปหาอาหารเย็นทานกัน
วันที่ 2 ของการทำงาน
เราเตรียมตัวออกเดินทางแต่เช้าเพื่อไปเจอกับทีมนั่งร้านที่อุทยาน นั่งร้านได้ถูกติดตั้งไว้ 2 จุดในเวลาเดียวกัน ซึ่งง่ายและกระชับเวลาสำหรับเราในการที่จะเคลื่อนย้ายเครื่องสแกนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งที่เครื่องสแกนไม่สามารถมองเห็นได้ ในระหว่างการสแกนเราไม่สามารถสแกนเถาวัลย์ได้ เนื่องจากมีลม นั่นก็เป็นเพราะว่าในการสแกนเราจำเป็นต้องให้วัตถุที่เราจะสแกนอยู่นิ่งๆเพื่อที่เราจะได้งานสแกนที่ออกมาสมบูรณ์แบบ นอกจากนี้แล้วเครื่องสแกนของเราจะทำงานได้ไม่ดีถ้าจุดที่สแกนมีแสงมาก เราจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายผ้ามาปิดในส่วนที่แสงเข้ามาถึงตลอดเวลา อันดับแรกเราได้สแกนเถาวัลย์ที่ม้วนๆโค้งๆก่อน แต่ด้วยยังมีลมพัดตลอดทำให้วัตถุไม่นิ่ง เราก็เลยย้ายไปสแกนอีกเถาหนึ่งซึ่งอยู่บนสะพานทางเดิน และหลังจากนั้นเราก็กลับมาสแกนตรงจุดที่เถาวัลย์ม้วนๆโค้งๆอีกรอบ
เราทำงานอยู่ในอุทยานทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็นจนพระอาทิตย์ตกดิน ซึ่งเป็นการทำงานที่ค่อนข้างยาวนานมาก จากนั้นเราก็จัดเก็บเครื่องเมทรา สแกน และอาร์เทค กลับมาที่โรงแรม
พยายามช่วย 🙂
สแกนเถาวัลย์บนสะพานทางเดิน
เราย้ายเครื่องสแกนไปที่เถาวัลย์ตรงสะพานทางเดิน ซึ่งเถาวัลย์เถานี้สแกนง่ายกว่าเพราะว่าค่อนข้างใหญ่และลมไม่มีผลกับเถาวัลย์มากนัก แต่สถานที่ที่ยืนในการสแกนค่อนข้างตื่นเต้นเนื่องจากเราต้องยืนอยู่บนสะพานทางเดินซึ่งยังทำไม่เสร็จ แต่โชคดีที่มีทีมนั่งร้านที่คอยยืนจับนั่งร้านให้ถึงแม้พวกเค้าจะยืนอยู่ในบริเวณจุดที่มีโคลนตมริมน้ำก็ตาม ก็เพื่อให้มั่นใจว่านั่งร้านจะไม่โยกเยกและคงที่ระหว่างยืนสแกนงาน!
ได้ถ่ายกับ Creaform Metra และตัว C-Track 3D แค่นี้ก็ได้อยู่นะ 5555
ศาลเจ้าที่ :
เป็นศาลเจ้าที่ที่ดูสวยและน่าเกรงขามจริงๆ ตั้งอยู่บริเวณทางเดินไปยังจุดที่สแกนงานของเรา
วันที่ 3 ของการทำงาน
วันนี้เราได้เจอความท้าทายใหม่ โดยสิ่งที่เราต้องสแกนคือหน้าผาหินปูนที่มีความสูงถึง 7เมตร ซึ่งมีพื้นผิวที่ต้องสแกนเยอะมาก แต่ด้วยความที่ลักษณะของหน้าผาเป็นแนวตั้งขนาบกับนั่งร้าน เราเลยไม่จำเป็นต้องยื่นตัวออกจากนั่งร้านเพื่อไปสแกนห่างมากนัก รวมไปทั้งสภาพอากาศในวันนี้ที่ไม่ ร้อนมาก จึงทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ในช่วงบ่ายฝนเริ่มตก โชคดีที่เราเริ่มงานกันแต่เช้าและเสร็จเร็วก่อนที่ฝนจะตก
ในช่วงเย็น แน่นอนว่าเป็นเรื่องอื่นไม่ได้นอกจากหาอาหารอร่อยๆทาน ซึ่งเราได้เจอร้านนี้ บรรยากาศดีมาก ร้านอาหารเรือนไม้ นั่นเอง!
ระหว่างนี้ผมขอโชว์รูปสวยๆที่ถ่ายระหว่างที่เราทำงานกันให้ดูเพลินๆก่อนละกัน
น้ำตกที่อยู่ภายในอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี
ร้านอาหารเรือนไม้
ตอนนี้เราเก็บของและกลับไปที่โรงแรม อาบน้ำ แต่งตัวออกไปหาอาหารค่ำทานกัน จำได้มั้ย เราทานอาหารค่ำกันที่ร้านเรือนไม้(https://www.facebook.com/ruenmaikrabirestuarant/) ร้านนี้เป็นร้านขึ้นชื่ออันดับ 1 ของจังหวัดกระบี่เลยทีเดียว ขอบคุณคุณตาลสำหรับข้อมูลร้านนี้
อ่ะ! อีกซักรูปละกัน ก่อนที่จะลงมือทานอาหารอันน่ากินที่วางอยู่ตรงหน้า!
วันที่ 4 ของการทำงาน
วันนี้เริ่มงานด้วยการสแกนหินขนาดใหญ่ ซึ่งมันเป็นงานหินจริงๆ เนื่องจากขนาดและน้ำหนักของหินที่หนักถึง 3200 กก. (มากกว่า 7000 ปอนด์) และเราต้องสแกนก้อนหินทั้งก้อนซึ่งรวมไปถึงด้านล่างของก้อนหินด้วย ดังนั้นเราจำเป็นต้องใช้รถเครนในการช่วยหมุนและพลิกก้อนหินเพื่อสแกนด้านล่าง ซึ่งงานนี้ต้องขอบคุณอร ที่ได้จัดเตรียมรถเครนพร้อมคนขับ เพื่อมาเตรียมยกก้อนหินให้และรถเครนได้มาเตรียมตัวรอตั้งแต่เวลาประมาณ 11 นาฬิกา
ก้อนหินนี้อยู่ในสถานที่กลางแจ้ง นั่นหมายถึงโดนทั้งแสงแดดและความร้อนเต็มๆ ซึ่งแตกต่างจากสภาพแวดล้อมที่เราไปสแกนก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง เครื่องสแกนเมทราและตัวซีแทรคของเรา จะทำงานได้ดีในที่ที่อุณหภูมิคงที่ ถ้าจะให้ดีก็ต้องเป็นเวลาช่วงเช้า ไม่มีแสงแดดและไม่ ร้อนมากนัก ดังนั้นเพื่อแก้ปัญหานี้ ทีมนั่งร้านจึงเตรียมผ้าใบกันแดดมาบังร่มให้ ซึ่งช่วยให้เราสามารถทำงานได้สะดวกขึ้น รอดไปอีกวัน!
วันนี้เราได้เริ่มงานแต่เช้าเพราะกลัวว่าจะร้อนและพยายามให้เสร็จก่อนบ่าย แล้วเราทำอะไรในช่วงบ่ายเหรอ?? แน่นอน เราไปที่หาดไร่เลย์!!!! แต่วิธีเดียวที่เราจะไปได้คือทางเรือหางยาว เราได้ไปทานอาหารที่ร้านอาหารเดอะกร็อตโต(http://www.rayavadee.com/en/) มันเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิตที่ดีมากๆ มาดูรูปกันเลย!!
ภารกิจเสร็จสมบูรณ์ หาอะไรสนุกๆทำดีกว่า!
วันนี้งานเราเสร็จค่อนข้างเร็ว ดังนั้นเราเลยมีเวลาไปสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ นั่นก็คือ หาดไร่เลย์!!!! ชายหาดนี้สามารถไปได้โดยทางเรือเท่านั้น และร้านอาหารเดอะกร็อตโต คือจุดหมายเรา เย้!
ระหว่างนั่งเรือไปหาดไร่เลย์และร้านอาหารเดอะกร็อตโต ฟลุ๊คแลดูตื่นเต้นมาก 555
เตรียมตัวกลับ
หลังจากทานอาหารที่ร้านอาหารเดอะกร็อตโตและถ่ายรูปชายหาดหน้าร้านอาหารแล้ว ซึ่งเรามีเวลาน้อยมากเพราะหนึ่งในทีมของเรามีไฟลท์ต้องบินกลับกรุงเทพฯ ภายใน 2 ชั่วโมง ดังนั้นทุกอย่างเลยค่อนข้างรีบมากๆ รีบถ่ายและรับกลับกัน
บทส่งท้าย
ทีมงานได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ และใช้เวลาในระหว่างนั้นในการรวมไฟล์และเช็คไฟล์เพื่อให้แน่ใจว่าศิลปินที่ได้ไฟล์งานจากเราจะไม่มีไม่มีปัญหาในการนำไปปริ้น 3 มิติ หรือนำไปทำอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องกับงานของพวกเค้า
จำตอนต้นเรื่องได้มั้ย นี้คือรากไม้ที่เราได้สแกนออกมา
เอ็กซ์กำลังสแกนด้วยเครื่องสแกนอาร์เทค ง่ายและเร็วมาก!
หลังจากที่เราได้สแกนวัตถุต่างๆมา ด้วยเครื่องสแกน 3มิติ เราได้ใช้เเวลาในการวมและแก้ไขไฟล์งานหลายวัน แม้ว่าเราจะมีโน๊ตบุคขนาด Ram 64GB แต่ก็ยังคงใช้เวลาหลายชั่วโมงในการรวมไฟล์และการจัดวางตำแหน่งของไฟล์งาน เรื่องสแกน เราสามารถสแกนทุกอย่างได้ที่ความละเอียด 0.05มิลลิเมตร ถึง 0.10มิลลิเมตร และที่ออฟฟิศของเรา เรามีเครื่องมือที่ใช้ในการวัดความแม่นยำที่ 0.005มิลลิเมตร สร้างแบบงาน 3มิติด้วยโปรแกรม Creaform’s VXElements และ โปรแกรม Geomagic’s DesignX ซึ่งไฟล์งานที่ได้ออกมาหน้าตาแบบนี้!!!
ดูเป็นก้อนหินแล้ว แต่ติดตรงเป็นสีเขียว สดใสเชียว! จากข้อมูลที่เราได้มา นำไปคำนวณด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ จะได้ปริมาตรของก้อนหินที่ 1.141822 ลูกบาศก์เมตร และพื้นผิว 7.186319 ตารางเมตร ซึ่งเป็นค่าที่แม่นยำมาก ทึ่งกับเครื่องมือคำนวนสมัยนี้จริงๆ!
ข้อมูลก้อนหินที่ได้จากเครื่องสแกน 3D Creaform Metra ซึ่งได้ความคมชัดที่สูงมากๆ
สำหรับเครื่องสแกนและซอฟท์แวร์ที่เราใช้ในโปรเจคนี้คือ
- เครื่องเมทราสแกน 3มิติและตัวซีแทรค จาก Creaform ซึ่งทำควบคู่ไปกับซอฟท์แวร์ VXElements
- เครื่องสแกนอาร์เทค และเครื่องสแกนอีว่า
- ซอฟท์แวร์ Geomagic DesignX
- ซอฟท์แวร์ SolidWorks
หากท่านใดต้องการเห็นงานที่สร้างขึ้นจากไฟล์สแกนและข้อมูลเหล่านี้ คุณจำเป็นต้องไปที่กระบี่ซึ่ง “The Thailand Biennale” ได้ร่วมมือกับสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ในการจัดโชว์ครั้งนี้และจะเกิดขึ้นระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2561 ถึง เดือน กุมภาพันธ์ 2562 สำหรับสถานที่ในการจัดงาน สามารถเข้าไปดูได้ที่เวปไซต์ http://thailandbiennale.org
สุดท้ายนี้ ขอบคุณที่ร่วมอ่านเรื่องราวสนุกๆไปด้วยกันกับเราตั้งแต่ต้นจนจบ เจอกันงานหน้าครับ!!